ตะกร้า
0
0.00 THB

ไขข้อสงสัย รังสีในไมโครเวฟอันตราย จริงหรือไม่?

ไขข้อสงสัย รังสีในไมโครเวฟอันตราย จริงหรือไม่?

ไขข้อสงสัย รังสีในไมโครเวฟอันตราย จริงหรือไม่?



ไมโครเวฟ อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่มีทุกบ้านและขาดไม่ได้ เพราะเป็นตัวช่วยในการอำนวยความสะดวกให้การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และง่ายมากในไม่กี่นาที อีกทั้งยังสามารถรังสรรค์เป็นสูตรอาหารเมนูต่าง ๆ ได้ สามารถต้มน้ำร้อนเพื่อชงชาหรือกาแฟ ต้มไข่ต้ม อุ่นอาหารแช่แข็ง เวฟอาหารสำเร็จรูป ทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฯลฯ ถือว่าสะดวกสบายในเวลาไม่กี่นาที


การทำงานของไมโครเวฟ ทำงานยังไง?

ต้องเกริ่นให้เข้าใจกันซักนิดก่อนนะ ไมโครเวฟเป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกับคลื่นวิทยุ มีความยาวคลื่นต่ำ จึงได้ชื่อว่า “microwave” โดยรังสีไมโครเวฟนั้นจะมีผลต่อโมเลกุลของน้ำและของเหลว ทำให้โมเลกุลของน้ำในอาหารเกิดการสั่นสะเทือนและเกิดเป็นพลังงานความร้อน ทำให้อาหารร้อนขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก จะเกิดร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

และแน่นอน ไมโครเวฟเป็นรังสีชนิดที่ไม่ทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ได้กล่าวเอาไว้ว่า เตาโครเวฟไม่ทำให้เกิดอันตรายจากการแผ่รังสีถ้าใช้อย่างถูกต้องนะ ดังนั้น เรื่องรังสีไมโครเวฟที่จะไปทำลายเซลล์ในร่างกายหรือทำลายคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร เป็นความเข้าใจแบบผิด ๆ นะ


แล้วทำไมรังสีไมโครเวฟถึงไม่ทำลายคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร?

ในอาหารจะอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดและวิตามินหลายชนิดมาก เช่น วิตามินบี วิตามินซี โฟเลต ฯลฯ สารเหล่านี้ในอาหารจะไม่ทนต่อความร้อน ไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่มาจากไมโครเวฟ เตาอบทั่วไป การต้ม หรือการนึ่ง ก็ตาม แต่การใช้ไมโครเวฟในการอุ่นอาหารถือเป็นการทำลายคุณค่าสารอาหารน้อยกว่าการต้ม ทอด หรือปิ้งย่าง เพราะไมโครเวฟให้อุณหภูมิต่ำกว่า

มีงานวิจัยในปี ค.ศ. 2019 พบว่า การต้มบรอกโคลีด้วยเตาไมโครเวฟเป็นเวลา 1 นาที คุณค่าทางโภชนาการจะยังคงอยู่มากกว่าการต้มโดยวิธีอื่น หรือการทอดด้วยน้ำมัน เช่นเดียวกับผักโขม พริก ถั่วเขียว จะสูญเสียสารที่มีคุณค่าทางอาหารจากไมโครเวฟน้อยกว่าการทำให้ร้อนด้วยวิธีอื่น ๆ


ด้วยวิธีที่สะดวกแบบนี้ รังสีในไมโครเวฟจะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพหรือเปล่า?

จากการศึกษาของ Timothy Jorgensen แห่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัย Georgetown สหรัฐอเมริกา พบว่ารังสีไมโครเวฟมีพลังงานไม่เพียงพอที่จะทำลายพันธะเคมีในสารอินทรีย์ต่าง ๆ จึงไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์หรือ DNA ไม่ก่อให้เกิดการกลายพันธุ์และไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง นอกจากนี้รังสีไมโครเวฟจะไม่สะสมในอาหารอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ จึงไม่มีรังสีตกค้าง ปะปนมาในอาหารเลย

อันตรายจากการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด มักเกิดจากภาชนะที่ใช้บรรจุอาหารที่นำไปเข้าในไมโครเวฟมากกว่า เราจึงต้องเลือกภาชนะให้เหมาะสมกับไมโครเวฟ ได้แก่ เครื่องแก้ว เซรามิก กระเบื้องที่ไม่มีลวดลาย เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น ทั้งหมดนี้ต้องไม่มีโลหะเป็นส่วนผสมโดยเด็ดขาด เนื่องจากโลหะนั้นจะสะท้อนรังสี ทำให้เกิดประกายไฟ หรือเกิดการลุกไหม้ได้ ทำให้เตาเสียหายหรืออาจเกิดอันตรายขึ้นได้

ส่วนภาชนะพลาสติกที่นิยมใช้บรรจุอาหารในปัจจุบัน เมื่อได้รับความร้อนจากการต้ม นึ่ง หรือจากไมโครเวฟ อาจปล่อยสาร BHA (bisphenol A) ซึ่งทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น มีผลต่อการสร้างฮอร์โมน อันตรายต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ และอาจก่อให้เกิดมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีสารเติมแต่งพลาสติก เช่น สารจำพวก phthalates ซึ่งใช้เป็น plasticizer ที่ใช้กันมากที่สุด ทำให้พลาสติกมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มขึ้น สารเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพเช่นเดียวกับ BHA ดังนั้น ควรเลือกใช้พลาสติกที่รองรับการอุ่นในไมโครเวฟด้วยนะ ในบทความถัดไปเราจะมาพูดถึงเรื่อง “มารู้จักกับพลาสติกรอบตัวในชีวิตประจำวัน” กัน

และอีกหนึ่งความคิดที่หลายคนมักสงสัย คือการอุ่นอาหารซ้ำ ๆ ด้วยไมโครเวฟ บอกเลยว่าการอุ่นซ้ำ ๆ นั้น ไม่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง เนื่องจากไมโครเวฟให้อุณหภูมิต่ำกว่าการทอดน้ำมัน หรือปิ้งย่าง แต่ที่ควรระมัดระวังคือ เมื่ออาหารที่เราอุ่นนั้นเย็นลงแบคทีเรียสามารถเติบโตได้ทุกครั้ง สาเหตุนี้เราจึงไม่ควรอุ่นอาหารบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ เพราะอาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคในอาหารได้


ข้อควรระวังในการอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟ
    • การละลายอาหารแช่แข็งด้วยไมโครเวฟ ควรทำให้น้ำแข็งละลายทั่วทั้งหมดก่อนนำมาปรุงอาหาร เพื่อประสิทธิภาพในการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ
    • ใช้ภาชนะที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับไมโครเวฟเท่านั้น และห้ามนำโฟม กระดาษ โลหะทุกชนิด และฟอยล์ เข้าไปอุ่นในไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือสารบางอย่าง ที่ละลายออกจากวัสดุนั้น ๆ มาปนเปื้อนอาหารได้
    • เมื่ออุ่นอาหารเสร็จแล้ว ควรนำอาหารออกจากไมโครเวฟทันที เพราะอาจจะทำให้อาหารไหม้หรือแข็งเกินไปได้ เนื่องจากอาหารที่เพิ่งอุ่นเสร็จยังคงมีความร้อนสะสมอยู่ ดังนั้น ควรหาข้อมูลสำหรับอาหารชนิดนั้นว่าควรนำเข้าไมโครเวฟประมาณกี่นาที
    • ควรเตรียมถุงมือป้องกันความร้อน สวมใส่ให้พร้อมก่อนที่จะหยิบภาชนะออกจากไมโครเวฟ เพราะหลังจากอุ่นอาหารเสร็จแล้ว ภาชนะบางชนิดอาจจะมีความร้อนสูงมาก



จากข้อมูลข้างต้น หลายท่านคงเริ่มคลายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไมโครเวฟกันได้แล้วนะ แม้ว่าไมโครเวฟจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดูมีประโยชน์อย่างมาก สะดวกรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าเราต้องใช้งานอย่างระมัดระวัง อุ่นอาหารโดยใช้ภาชนะให้ถูกต้องและอย่าลืมดูแลรักษาไมโครเวฟด้วยนะ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ อันตรายต่าง ๆ รวมไปถึงสามารถยืดอายุการใช้งานของไมโครเวฟได้นานขึ้น


ข้อมูลอ้างอิง : https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/562/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%9F/
โพสต์เมื่อ :
2565-12-23
 473
ผู้เข้าชม
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์